วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การวางแผน (Planning)


ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยมา คนละ 1 ศูนย์ โดยสืบค้นในระบบเครือข่าย และต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้

ศูนย์แหล่งการเรียนรู้สถาบันอยุธยาศึกษา

   Image
        ศูนย์ศึกษาแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิชาการไทยและญี่ปุ่นในการจัดตั้งศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา (Ayutthaya Historical study Centre) ขึ้นในปี พ.ศ. 2529 โดยมองว่าอยุธยานอกจากจะเป็นอดีตเมืองหลวงของสยามที่มีอายุยืนยาวถึง 417 ปี และได้วางรากฐานทางวัฒนธรรมให้กับประเทศไทยสมัยใหม่แล้วยังเคยเป็นศูนย์กลางของสังคมการค้าในอุษาคเนย์ในระยะเวลาหนึ่งด้วย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เราไม่อาจรู้จักและไม่อาจเข้าใจประเทศไทยและภูมิภาคอุษาคเนย์ได้อย่างชัดเจน หากละเลยที่จะเข้าใจสังคมอยุธยาในประวัติศาสตร์
        ความตั้งใจของนักวิชาการไทย-ญี่ปุ่นดังกล่าว ได้ปรับขยายจากข้อเสนอของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ให้มีการปรับปรุงบริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่นมาเป็นการจัดตั้งศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาแทน และมีความตกลงร่วมกันระดับรัฐบาล โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า 999 ล้านเยน (ประมาณ 170 ล้านบาทในเวลานั้น) เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ. 2530 และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ 600 ปี    

Image

ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 3 ประการ คือ

        1) ให้เป็นสถาบันวิจัยระดับชาติด้านอยุธยาศึกษา เน้นประวัติศาสตร์ไทย สมัยอยุธยาเป็นราชธานี
        2)
เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เรื่องประวัติศาสตร์อยุธยา โดยการจัดแสดงสิ่งจำลองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อยุธยา
        3)
เป็นศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดประวัติศาสตร์-อยุธยาศึกษา

อาคารของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 

        ส่วนแรกเป็นส่วนหลักตั้งอยู่ในเกาะเมืองอยุธยาติดกับสถาบันราชภัฏอยุธยา
       
ส่วนที่สองเป็นส่วนผนวกตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวญี่ปุ่นในสมัยอยุธยา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ใต้วัดพนัญเชิง

        บริการที่ศูนย์ฯ ให้แก่บุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวางในขณะนี้คือ นิทรรศการถาวร ซึ่งประกอบด้วย แผนที่ แบบจำลองต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้เสียงและภาพเคลื่อนไหว เพื่อสร้างความเข้าใจอีกด้วย

ตัวนิทรรศการนั้นประกอบด้วย 5 แนวเรื่องเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา คือ 
Image
        1) ในฐานะเมืองราชธานี
        2)
ในฐานะเป็นเมืองท่า
        3)
ในฐานะเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและการปกครอง
        4)
ชีวิตชาวบ้านในสมัยก่อน
        5)
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ
ในบรรดาการจัดแสดงนั้น มีแบบจำลองบางชิ้นที่ควรแก่การกล่าวถึง คือ
        1)
ภาพเขียนสีน้ำมัน แผนผังเมืองอยุธยาในสายตาของพ่อค้าชาวดัทช์ คริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22
        2)
แบบจำลองของพระราชวังโบราณ วัดไชยวัฒนาราม และเพนียดคล้องช้าง
        3)
เรือจำลอง ทั้งสำเภาของอยุธยาซึ่งเป็นสำเภาจีน (สร้างตามรูปเขียนของญี่ปุ่น) เรือคาร์แรทของสเปน 
โปรตุเกส และเรือแกลลิออน ของฮอลันดา
Image
        4) แผนที่แสดงเส้นทางการค้าทางทะเลกับบรรดาประเทศต่าง ๆ ในสมัยอยุธยา
        5)
แบบจำลองภายในวิหารพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา และเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญ คือ การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
        6)
แบบจำลองของหมู่บ้าน แบบจำลองภายในตัวบ้าน และกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย
       
ซึ่งข้อมูลรวมทั้งแผนผัง แผนภาพ แผนที่ และแบบจำลองทั้งหลายในนิทรรศการนี้ จะช่วยให้ผู้เข้าชมได้ภาพโดยรวมของอยุธยาในสมัยเป็นราชธานีได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเกิดความสนใจที่จะได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปได้ด้วย

แหล่งอ้างอิง : http://ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/364/56/
และ ที่มา : อยุธยา Discovering Ayutthaya หน้า 122-124
     ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บรรณาธิการ


การจัดผังโครงสร้างของศูนย์ (Organizing)


การจัดผังโครงสร้างของศูนย์ (Organizing)



ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ 2 ผังโครงสร้าง พร้อมเขียนอธิบายดังนี้

1.โครงสร้างการบริหารงานศูนย์สื่อการเรียนรู้ E-learning 

 ศูนย์สื่อการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ศส



    1.1    แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์

1.ศูนย์สื่อการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    2.โครงสร้างการบริหารงานสำนักงานพัฒนาความรู้ (องค์การมหาชน)

1.2    โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด
1.โครงสร้างศูนย์สื่อการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ตอบ แบบ Line and Staff Organization เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างสำหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งลำพังผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง ๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทำงานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดำเนินการนั้น ๆ
2.โครงสร้างศูนย์การเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

ตอบ เป็นแบบ Line Organization เพราะมีการจัดรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้น ๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด

2. โครงสร้างศูนย์การเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร



ประเภทของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้



ประเภทของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้  


1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ 3ประเภท ประกอบด้วย
1.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบ คือ หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดาเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน
2.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จาเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต
3.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทางาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต




2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ  1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึง หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดาเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่ ศูนย์สื่อการศึกษา หรือหน่วยบริการสื่อการศึกษา,ศูนย์โสตทัศน์ศึกษา หรือหน่วยโสตทัศน์ศึกษา,ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา หรือหน่วยเทคโนโลยีการศึกษา,ศูนย์วิทยาการหรือสถาบันวิทยบริการศูนย์ทรัพยากรการศึกษา หรือศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
2.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จาเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพศูนย์การเรียน เป็นต้น
3.ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แบบอัธยาศัย และศูนย์รวมให้บริการ โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆ






3. ให้นิสิตหาตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภท ละ 3 ศูนย์ พร้อมบอกสถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์นั้น ๆ พร้อมแหล่งอ้างอิง
ตอบ : ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน:
1.ฝ่ายบรรณสารและสารสนเทศฯชั้น 3 ห้อง300
ที่อยู่ : อาคาร 60 พรรษามหาราชินี (QS1)คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรีhttp://www.edu.buu.ac.th/lrc/index2.html
2.กลุ่มบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร   สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
ที่อยู่ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 022885906
3.ศูนย์สื่อการเรียนรู้ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (e-Learning Center)
ที่อยู่  : 869 ถนนลาดหญ้า
เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
:ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษานอกระบบ:
1.ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดระยอง
ที่อยู่ : เลขที่ 22 ถนนไอ - หนึ่ง ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง 21150
โทรศัพท์ : 038-683951-3
2.ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครบ 36 พรรษา
ที่อยู่ : เลขที่ 104 ม.ต.บางละมุง
อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
3.ศูนย์การเรียนรู้ทางการวิจัย
ที่อยู่ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 196 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
:ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย:
1.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
ที่อยู่ : 169 ถ.ลงหาดบางแสน
ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 20131
2.สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
ที่อยู่ : เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง
เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
3.ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา
ที่อยู่ : สถาบันอยุธยาศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ๙๖ ถนนปรีดี พนมยงค์ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา





วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มิวเซียมสยาม Museum Siam


รู้จักมิวเซียมสยาม  (Museum Siam: Discovery Museum) 

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum) ภายใต้ 
สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้น 
การสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของ 
แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ 
ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จัก ตนเอง 
รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่"
ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้างสรรค์ 
เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย

     • นิทรรศกาลถาวร
     • นิทรรศการหมุนเวียน
     • กิจกรรมการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
ปรัชญาของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ




Play + Learn = เพลิน
เป็นหัวใจสำคัญของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิรูป 
พิพิธภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด นำเสนอด้วยรูปแบบที่สร้างสรรค์
และสนุกสนานโดยใช้กิจกรรมต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ 
ฉะนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ 
เพื่อสื่อความหมายในการเล่าเรื่องและเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์



สัญลักษณ์ 
คนกบแดง 
หรือ รูปคนทำท่าเป็นกบเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เพราะกบถือเป็น
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่เคารพบูชาทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
เห็นได้จากลวดลาย บนกลองมโหระทึกที่เป็นเครื่องมือใช้ประโคมตีในพิธีกรรมขอฝน


Museum Siamจะแบ่งการจัดนิทรรศการต่างๆได้เยี่ยมชมได้แก่



นิทรรศการถาวร

นิทรรศการ “เรียงความประเทศไทย” เป็นการบอกเล่าถึงพัฒนาการด้านต่างๆ 

ของภูมิภาคอุษาคเนย์ นับตั้งแต่สมัยแผ่นดิน “สุวรรณภูมิ” (3,000 ปีก่อน)

อันประกอบด้วยอารยธรรมต่างๆ ก่อนการรับวัฒนธรรมจากอินเดียและจีน 

เรื่อยมาจนถึงกำเนิดสยามประเทศและก้าวสู่ประเทศไทยในปัจจุบัน 

โดยแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 “สุวรรณภูมิ” 
นำเสนอเรื่องราวของดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศไทยในปัจจุบัน ย้อนกลับไปราว 3,000 ปีก่อนการรับพุทธศาสนา
และศาสนาฮินดูเข้ามา จนกระทั่งกลายเป็นศาสนาหลักจนถึงปัจจุบัน 

ช่วงที่ 2 “สยามประเทศไทย” 
นำเสนอเรื่องราวการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นอาณาจักรใหญ่ที่ครอบคลุมดินแดน
ที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันเกือบทั้งหมด 
อีกทั้งยังเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญในการกำเนิดขึ้นของ “สยามประเทศไทย” 

ช่วงที่ 3 “ประเทศไทย” 
นำเสนอพัฒนาการของดินแดน ผู้คน และสังคมจากแบบจารีตมาสู่สังคมสมัยใหม่ในปัจจุบัน

ทั้ง 3 ช่วงดังกล่าว นำเสนอโดยอธิบายลึกลงไปถึงรายละเอียด ผ่านห้องนิทรรศการจำนวน 17 ห้อง 
ซึ่งแต่ละห้องมีรายละเอียดสังเขปดังต่อไปนี้



นิทรรศการ “ไฉไลไปไหน?” ทุกความสวยมีที่มา ทุกความงามมีที่ไป


มิวเซียมสยามชวนค้นหาคำตอบ ความสวยต้องแลกมาด้วยความทรมานจริงหรือ? 
นิทรรศการ “ไฉไลไปไหน?” ตีแผ่ทุกเรื่องราวความงามที่คุณต้องรู้
ในแต่ละวัฒนธรรม ในแต่ละสังคม และในแต่ละยุคสมัย มักมีมุมมองเรื่องความสวยของผู้หญิงที่แตกต่างกันไป 
กว่าจะได้มาซึ่งความงามที่ถูกตาต้องใจหนุ่มทุกยุคสมัย พวกเธอต้องทำอย่างไรกันบ้าง 
เจ็บปวดสาหัสสากรรจ์แค่ไหนเพราะความสวยต้องแลกมาด้วยความทรมานจริงหรือ 
คุณสามารถหาคำตอบของความสวยเหล่านั้น
ได้ในนิทรรศการ “ไฉไลไปไหน?” ทุกความสวยมีที่มา ทุกความงามมีที่ไป
นิทรรศการ “ไฉไลไปไหน?” ทุกความสวยมีที่มา ทุกความงามมีที่ไป 
จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน – 29 กันยายน 2556
 (ปิดวันจันทร์) ณ มิวเซียมสยาม (อาคารอเนกประสงค์) ชมฟรี!!
สอบถาม: โทร. 02-225-2777 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan


นิทรรศการ "กินของเน่า"

 มิวเซียมสยามชวนแซ่บเวอร์!!! จัดนิทรรศการ “กินของเน่า” ตีความวัฒนธรรมการกินสุดคลาสสิกของคนไทย
 ในมุมมองที่ทุกคนต้องตกตะลึง เมื่อ “อาหารเน่าเสีย” คือเอกลักษณ์สะท้อนวิถีชีวิตของมนุษยชาติ
แห่งดินแดนอุษาคเนย์ที่หยั่งรากลึกยาวนาน และนำมาซึ่งความมั่งคั่งทาง เศรษฐกิจในอนาคต
นิทรรศการ “กินของเน่า” นำเสนอภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยโบราณ ในการทำอาหารให้ “เน่าเสีย” 
ด้วยกระบวนการ หมักดอง ความชาญฉลาด ที่สอดคล้องกับหลักการถนอมอาหารในยุคปัจจุบัน 
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า คนโบราณคือ นักวิทยาศาสตร์ และ ศิลปินเอก ที่นำจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์ 
ได้แม้ไม่มีกล้องจุลทรรศน์ เกิดการสร้างสรรค์อาหารรสชาติแปลกใหม่ กลายเป็นสัญลักษณ์การกิน
ที่เป็นตัวตนของคนไทย บ่งบอกถึงการอยู่ร่วมกัน ของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์
ในผืนแผ่นดินไทยที่มีมาอย่างยาวนาน
 รวมถึงประวัติศาสตร์การค้าในสมัยโบราณที่มีเกลือเป็นเครื่องสร้างความมั่งคั่ง 
และโอกาสทางการค้าในยุคปัจจุบันจากการต่อยอดผลิตภัณฑ์
ร่วมตีความวัฒนธรรมการกินของเน่า ภูมิปัญญาที่นำมาซึ่งความอร่อย การอยู่รอด เงินตรา วรรณะ 
วัฒนธรรม และความเชื่อ 
ท่ามกลาง บรรยากาศ ตลาดสด และ ร้านอาหาร โดยมี เชฟชาคริต แย้มนาม เป็นผู้แนะนำเมนู 
พร้อมเลือกซื้อเมนูหมักดองระดับ O TOP ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. - 4 พ.ย. 55 
เวลา 10.00 – 18.00 น. (ปิดวันจันทร์) ณ มิวเซียมสยาม ชมฟรี!!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-225-2777 ต่อ 411 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan




นิทรรศการ "เรื่องหนักหัว"

 มิวเซียมสยาม จัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว “เรื่องหนักหัว” นิทรรศการเบาเบา กับนานาประดิษฐกรรมสวมกบาล 
นำเสนอเรื่องราวของ “หมวก” “เครื่องศิราภรณ์” และ “เครื่องประกอบศีรษะ” 
เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและความเป็นมาของผู้คนที่อาศัยในดินแดนสุวรรณภูมิ 
ซึ่งเครื่องประกอบศีรษะที่สวมใส่อยู่บนหัว
ได้เข้าไปมีบทบาทและความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน
โดยนิทรรศการ “เรื่องหนักหัว” เป็นนิทรรศการรูปแบบใหม่ ที่จะแทรกเข้าไปอยู่ในนิทรรศการถาวร 
“เรียงความประเทศไทย” ในห้องต่าง ๆ ภายในมิวเซียมสยามอย่างกลมกลืน และสอดคล้องกับช่วงยุคสมัยนั้น ๆ 
อาทิ ห้องเปิดตำนานสุวรรณภูมิ จะนำเสนอเรื่องของหน้ากากที่ใช้ในพิธีกรรมขอฝน ของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์
ผ่านหลักฐานภาพเขียนสีบนผนังถ้ำที่พบได้ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ 
และการนำเสนอเรื่องของ “ลอมพอก” หมวกของขุนนางในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซีย 
ที่ถูกจัดแสดงใน ห้องสยามประเทศ
นอกจากนี้ใน ห้องกำเนิดประเทศไทย ยังนำเสนอเรื่องราวของ “มาลานำไทย” ในยุค “รัฐนิยม”
ของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่มีการนำหมวกมาใช้ ในการสร้างความศิวิไลซ์ให้กับสยามประเทศ 
พร้อมกันนี้ยังเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกัน
สืบค้นที่มาของ “มงกุฎ” และ “ชฎา” และร่วมกันค้นหาคำตอบว่าสิ่งเหล่านี้
เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยจริงหรือไม่ และเพราะอะไร “เลดี้กาก้า” 
ที่ใส่ชฎาเล่นคอนเสิร์ตในประเทศไทยจึงถูกตำหนิ แต่โขน 
และนางละครรำแก้บนกลับสวมใส่ได้อย่างเป็นเรื่องธรรมดา
จัดแสดงวันที่ 28 สิงหาคม - 9 ธันวาคม 2555 เวลา 10.00 – 18.00 น. (ปิดวันจันทร์) ณ มิวเซียมสยาม 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-225-2777 ต่อ 407 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan



ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม

ที่ตั้ง

มิวเซียมสยาม | สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ 
เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทรศัพท์ 02-225-2777
โทรสาร 02-225-2775

เวลาเปิดให้บริการ

วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น.
(ปิดให้บริการทุกวันจันทร์)

    

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา



 

ประวัติความเป็นมา

ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เป็นศูนย์บริการสารนิเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้าและวิจัย ซึ่งเปิดบริการครั้งแรกพร้อมกับการก่อตั้งคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อปี พ.ศ.2534โดยใช้ชื่อว่าศูนย์ปฏิบัติการทางวิชาการ ให้บริการยืม-คืนหนังสือ รัฐบาลให้ความสำคัญต่องานด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา โดยเฉพาะสื่อการเรียนการสอน เพื่อรองรับการพัฒนาระบบการศึกษาของไทยตามแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) ในด้านการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนในส่วนของการผลิตและพัฒนาสื่อ กล่าวว่า “การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนมุ่งให้มีการผลิตและพัฒนาสื่อทุกประเภท รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อคอมพิวเตอร์ และสื่อประสม อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสอนของครู และการเรียนรู้ของ ผู้เรียน ”
ดังนั้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542ศูนย์ปฏิบัติการทางวิชาการ จึงจัดโครงการให้บริการผลิตสื่อการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์ บุคลากร และนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ใช้สื่อการเรียนการสอน สื่อการนำเสนอ และใช้บริการวิชาการด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอน และได้เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ให้บริการยืม -คืนหนังสือ สื่อโสตทัศนวัสดุ,บริการผลิตสื่อเพื่อการเรียนการสอนสำหรับคณาจารย์ บุคลากร และนิสิต และบริการสืบค้นข้อมูลสารนิเทศ

สถานที่ดำเนินการ

ชั้น 3 ห้อง 300 อาคาร 60 พรรษามหาราชินี (QS 1 ) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ต . แสนสุข อ . เมือง จ . ชลบุรี 20131 โทรศัพท์ (038) 745900 ต่อ 2080

เวลาเปิดบริการ

วันจันทร์ – วันศุกร์ 8.00 – 16.30 น .
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 8.00 – 17.00 น .
* ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ปิดบริการในวันหยุดราชการประจำปี



   
โครงสร้างศุนย์ทรัพยากรการเรียนรู้




รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร
คณบดีคณะศึกษาศาสตร์
.
รศ.ดร. พงษ์ประเสริฐ หกสุวรรณ
รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมฯ
รศ.ดร.พงษ์ประเสริฐ หกสุวรรณ
รักษาการหัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา
อ.เอกวิทย์ โทบุรินทร์
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
อรทัย เอี่ยมสอาด
นักวิชาการโสตทัศนศึกษา
สมพิศ เจริญพร
นักวิชาการเงินและบัญชี
สุภาวดี กรณียกิจ
นักวิชาการศึกษา