ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยมา คนละ 1 ศูนย์ โดยสืบค้นในระบบเครือข่าย และต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้
ศูนย์แหล่งการเรียนรู้สถาบันอยุธยาศึกษา

ศูนย์ศึกษาแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิชาการไทยและญี่ปุ่นในการจัดตั้งศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา
(Ayutthaya Historical
study Centre) ขึ้นในปี พ.ศ.
2529 โดยมองว่าอยุธยานอกจากจะเป็นอดีตเมืองหลวงของสยามที่มีอายุยืนยาวถึง
417 ปี และได้วางรากฐานทางวัฒนธรรมให้กับประเทศไทยสมัยใหม่แล้วยังเคยเป็นศูนย์กลางของสังคมการค้าในอุษาคเนย์ในระยะเวลาหนึ่งด้วย
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
เราไม่อาจรู้จักและไม่อาจเข้าใจประเทศไทยและภูมิภาคอุษาคเนย์ได้อย่างชัดเจน
หากละเลยที่จะเข้าใจสังคมอยุธยาในประวัติศาสตร์
ความตั้งใจของนักวิชาการไทย-ญี่ปุ่นดังกล่าว
ได้ปรับขยายจากข้อเสนอของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ที่ให้มีการปรับปรุงบริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่นมาเป็นการจัดตั้งศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาแทน
และมีความตกลงร่วมกันระดับรัฐบาล โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า 999 ล้านเยน (ประมาณ 170 ล้านบาทในเวลานั้น)
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ. 2530 และเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ 600 ปี

ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 3 ประการ คือ
1) ให้เป็นสถาบันวิจัยระดับชาติด้านอยุธยาศึกษา เน้นประวัติศาสตร์ไทย สมัยอยุธยาเป็นราชธานี2) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เรื่องประวัติศาสตร์อยุธยา โดยการจัดแสดงสิ่งจำลองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อยุธยา
3) เป็นศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดประวัติศาสตร์-อยุธยาศึกษา
อาคารของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนแรกเป็นส่วนหลักตั้งอยู่ในเกาะเมืองอยุธยาติดกับสถาบันราชภัฏอยุธยาส่วนที่สองเป็นส่วนผนวกตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวญี่ปุ่นในสมัยอยุธยา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ใต้วัดพนัญเชิง
บริการที่ศูนย์ฯ
ให้แก่บุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวางในขณะนี้คือ นิทรรศการถาวร ซึ่งประกอบด้วย แผนที่
แบบจำลองต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้เสียงและภาพเคลื่อนไหว เพื่อสร้างความเข้าใจอีกด้วย
ตัวนิทรรศการนั้นประกอบด้วย 5 แนวเรื่องเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา คือ

1) ในฐานะเมืองราชธานี
2) ในฐานะเป็นเมืองท่า
3) ในฐานะเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและการปกครอง
4) ชีวิตชาวบ้านในสมัยก่อน
5) ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ
ในบรรดาการจัดแสดงนั้น มีแบบจำลองบางชิ้นที่ควรแก่การกล่าวถึง คือ
1) ภาพเขียนสีน้ำมัน แผนผังเมืองอยุธยาในสายตาของพ่อค้าชาวดัทช์ คริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22
2) แบบจำลองของพระราชวังโบราณ วัดไชยวัฒนาราม และเพนียดคล้องช้าง
3) เรือจำลอง ทั้งสำเภาของอยุธยาซึ่งเป็นสำเภาจีน (สร้างตามรูปเขียนของญี่ปุ่น) เรือคาร์แรทของสเปน
2) ในฐานะเป็นเมืองท่า
3) ในฐานะเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและการปกครอง
4) ชีวิตชาวบ้านในสมัยก่อน
5) ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ
ในบรรดาการจัดแสดงนั้น มีแบบจำลองบางชิ้นที่ควรแก่การกล่าวถึง คือ
1) ภาพเขียนสีน้ำมัน แผนผังเมืองอยุธยาในสายตาของพ่อค้าชาวดัทช์ คริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22
2) แบบจำลองของพระราชวังโบราณ วัดไชยวัฒนาราม และเพนียดคล้องช้าง
3) เรือจำลอง ทั้งสำเภาของอยุธยาซึ่งเป็นสำเภาจีน (สร้างตามรูปเขียนของญี่ปุ่น) เรือคาร์แรทของสเปน
โปรตุเกส และเรือแกลลิออน
ของฮอลันดา

4) แผนที่แสดงเส้นทางการค้าทางทะเลกับบรรดาประเทศต่าง
ๆ ในสมัยอยุธยา
5) แบบจำลองภายในวิหารพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา และเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญ คือ การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
6) แบบจำลองของหมู่บ้าน แบบจำลองภายในตัวบ้าน และกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย
ซึ่งข้อมูลรวมทั้งแผนผัง แผนภาพ แผนที่ และแบบจำลองทั้งหลายในนิทรรศการนี้ จะช่วยให้ผู้เข้าชมได้ภาพโดยรวมของอยุธยาในสมัยเป็นราชธานีได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเกิดความสนใจที่จะได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปได้ด้วย
5) แบบจำลองภายในวิหารพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา และเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญ คือ การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
6) แบบจำลองของหมู่บ้าน แบบจำลองภายในตัวบ้าน และกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย
ซึ่งข้อมูลรวมทั้งแผนผัง แผนภาพ แผนที่ และแบบจำลองทั้งหลายในนิทรรศการนี้ จะช่วยให้ผู้เข้าชมได้ภาพโดยรวมของอยุธยาในสมัยเป็นราชธานีได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเกิดความสนใจที่จะได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปได้ด้วย
แหล่งอ้างอิง : http://ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/364/56/
และ ที่มา
: อยุธยา Discovering
Ayutthaya หน้า
122-124
ชาญวิทย์
เกษตรศิริ บรรณาธิการ